การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน เป็นขั้นตอนสำคัญในการคัดเลือกพนักงานใหม่ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถประเมินสุขภาพโดยรวมของพนักงานใหม่ และสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมให้กับพนักงานได้ โดยการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ปกป้องสุขภาพของพนักงานและเพื่อนร่วมงาน พนักงานที่มีสุขภาพดีจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคน้อยกว่า ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคให้กับเพื่อนร่วมงานได้
- ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ขององค์กร การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานช่วยให้สามารถตรวจพบโรคภัยไข้เจ็บที่ซ่อนอยู่ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งสามารถรักษาได้ทันท่วงที และลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาวได้
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร องค์กรที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน ย่อมเป็นที่ยอมรับของพนักงานและสังคม
ควรตรวจสุขภาพก่อนเริ่มทำงานบ่อยแค่ไหน?
โดยปกติแล้ว องค์กรจะกำหนดให้พนักงานใหม่ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานครั้งเดียว ยกเว้นพนักงานที่มีความเสี่ยงต่อโรคสูง อาจจำเป็นต้องตรวจสุขภาพบ่อยขึ้น เช่น ทุก 6 เดือน หรือทุก 3 เดือน
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว พนักงานที่มีความเสี่ยงต่อโรคสูง จะได้แก่ พนักงานที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พนักงานที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเรื้อรัง พนักงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน
ก่อนไปตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน ควรเตรียมตัวดังนี้
- งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
- แจ้งประวัติสุขภาพและประวัติครอบครัวให้แพทย์ทราบ
- นำยาประจำตัวมาด้วย หากมี
โดยสรุปแล้ว การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องสุขภาพของพนักงานและเพื่อนร่วมงาน ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ขององค์กร และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกคนควรตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี